ความเป็นมาของลอยกระทง

  • ประเพณีการลอยกระทงเป็นประเพณีเก่าแก่อย่างหนึ่งของไทย ซึ่งประเทศไทยของเรารับวัฒนธรรมประเพณีมาจากประเทศอินเดียเป็นส่วนใหญ่ จึงมีข้อสันนิษฐานที่มาของประเพณีการลอยกระทงอยู่ ๓ ประเด็นคือ
  • ๑. ชาวอินเดียโบราณมีประเพณีบูชาแม่คงคาในฐานะเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์์ตามความเชื่อของเขา และน้ำ มีคุณอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิต ช่วยชีวิตให้อยู่รอด ดับร้อน ผ่อนกระหายเขา เรียกประเพณีนี้ว่า "จองเปรียง

    ๒. มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่าชาวอินเดียโบราณได้จัดพิธีบูชาพระพุทธบาท ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำเนรพุทธา ที่แคว้นทักขิณาบถเป็นประจำทุกปี

    ๓. ในราวเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ชาวอินเดียทางภาคใต้แม้ในปัจจุบันนี้ก็นิยมจัดประเพณี พระเป็นเจ้า โดยจัดเป็นขบวนแห่รูปหุ่นพระเป็นเจ้าในตอนกลางคืน ในขบวนก็จะจุดโคมไฟและจุดเทียนสว่างไสวแห่แทน ไปตามถนนสายต่าง ๆ หลังจากนั้นก็จะนำขบวนมุ่งไปยังท่าน้ำที่กำหนดไว้ เพื่อทำพิธีบูชาและเฉลิมฉลองเสร็จแล้วจะลอยรูปหุ่น พร้อมทั้งโคมไฟไปตามแม่น้ำ ประเพณีนี้เรียกว่า "ทีปะวารี

    จากเอกสารเผยแพร่ชื่อ ลอยกระทง ขอขมาธรรมชาติ ของนายสุจิตต์ วงษ์เทศ ได้กล่าวไว้ว่า ลอยกระทง เป็นประเพณีที่มีร่วมกันของชุมชนทั้งสุวรรณภูมิ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เพื่อใช้ขอขมาธรรมชาติ ผืนดิน ผืนน้ำ ทั้งนี้ไม่มีการระบุแน่ชัดว่ามีการลอยกระทงตั้งแต่เมื่อไร แต่พิธีกรรมเกี่ยวกับ ‘ผี’ นั้นมีมาไม่น้อยกว่า 3,000 ปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนรับศาสนาพุทธ-พราหมณ์จากอินเดีย
    ต่อมาหลังจากรับศาสนาพุทธ-พราหมณ์จากอินเดียเมื่อราว ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ราชสำนักโบราณในสุวรรณภูมิก็ได้ปรับพิธีกรรม “ผี” เพื่อขอขมาน้ำและดินให้เข้ากับศาสนาที่รับเข้ามาใหม่ ทําให้ความหมายเดิมเปลี่ยนไป กลายเป็นการลอยกระทงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าและเทวดา ซึ่งในส่วนนี้มีพยานหลักฐานเก่าสุด คือ รูปสลักพิธีกรรมทางน้ำคล้ายลอยกระทงที่ปราสาทหินบายนในนครธมทำขึ้นราวหลัง พ.ศ. ๑๗๐๐ แต่สำหรับชุมชนชาวบ้านทั่วไปก็ยังเข้าใจเหมือนเดิม คือ ขอขมาแม่พระคงคาและแม่พระธรณี

    วิดีโอเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง

    ที่มาของคำว่า

    ลอยกระทง

    จุดเริ่มต้นของประเพณีลอยกระทงนั้นไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แม้แต่ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงก็ปรากฏแต่ชื่อ “เผาเทียน เล่นไฟ” ที่มีความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่าการทำบุญไหว้พระ ส่วนในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงแรก ๆ นั้นปรากฏชื่อชักโคม ลอยโคม แขวนโคม และลดชุดลอยโคมลงน้ำ ในพิธีพราหมณ์ของราชสำนักเท่านั้น ส่วนในสมัยกรุงธนบุรีก็ไม่มีชื่อปรากฏ แต่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีหลักฐานปรากฏชื่อลอยกระทงอย่างชัดเจนในพระราชพงศาวดารแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์และเรื่องนางนพมาศ พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๓ ซึ่งก็หมายความว่า คำว่า “ลอยกระทง” เพิ่งปรากฏในต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง